มาร์คหน้า เป็นการปรนนิบัติผิวพรรณ บำรุงฟื้นฟู พร้อมทำความสะอาดผิวพรรณอย่างล้ำลึก รูขุมขนกระชับลดปัญหาเกิดสิวอุดตัน แถมกลิ่นของมาร์คแต่ละประเภทยังช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายความเครียดผิวแลดูกระจ่างใสเพียงแค่ไม่กี่นาที เมื่อมาร์คหน้าเรียบร้อยแล้วผิวหน้าเนียน นุ่ม ชุ่มชื้นทำให้ครีมบำรุงผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การแต่งหน้าง่ายขึ้น มาร์คหน้าแบบไหนดีที่สุด และมีข้อดีต่างกันอย่างไร มาดูกันค่ะ
1. มาร์คครีม (Cream Mask)
ก่อนมาร์คครีมควรเตรียมผิวหน้าด้วยการทำความสะอาดผิวโดยเช็ดโทนเนอร์ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจด แล้วใช้โฟมล้างหน้าที่ใช้เป็นประจำ ต่อด้วยมาร์คหน้า
มาร์คแบบครีม แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.1 มาร์คครีม ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก
เมื่อทำความสะอาดผิวเรียบร้อยแล้ว มาร์คครีมทิ้งไว้ 30 นาที ช่วยขัดเซลล์ผิวที่เสียให้ค่อยๆหลุดออกไป สำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างมาร์คด้วยวิธีนี้สามารถทำความสะอาดได้หมดจด แถมยังช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ เผยผิวใหม่ที่เนียน กระชับขึ้น ควรมาร์คหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
1.2 มาร์คครีมพอกหน้า ทิ้งไว้ทั้งคืน
การมาร์ควิธีนี้เน้นการบำรุงผิวปรับสมดุลให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น โดยใช้มาร์กครีมพอกหน้าทิ้งไว้ทั้งคืน สามารถใช้ควบคู่ครีมบำรุงผิวหน้าตอนกลางคืนได้ ช่วยผลักดันให้ครีมบำรุงผิวค่อยๆซึมเข้าผิวหนังอย่างอ่อนโยนกระตุ้นให้ครีมบำรุงผิวตอนกลางคืนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้ว ค่อยๆล้างออก ที่สำคัญของการใช้ครีมมาร์คหน้าแบบ Sleeping Mask คือ ในขั้นตอนล้างนั้น ต้องล้างออกให้หมดจด เพราะตัวครีมมีความเข้มข้นสูงถ้าล้างออกไม่หมดอาจจะก่อให้เกิดการอุดตันได้
2. มาร์คผง (Powder Mask)
มีลักษณะเป็นผง เมื่อผสมกับน้ำสะอาดก็นำมานวดกับหน้าเบาๆ แล้วพอกทิ้งไว้เพียง 5 นาที ส่วนใหญ่มาร์คผงจะสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ได้กลิ่นไอของสมัยโบราณ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้หลุดออกอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างความชุ่มชื้นอย่างเต็มเปี่ยม เช่น ผงมาส์คหน้าชาร์โคลมังคุด
3. มาร์คเจล (Gel Mask)
เนื้อเจลมีสัมผัสที่บางเบา เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและทุกสภาพผิว แก้ปัญหาผิวเสีย ผิวแห้งเป็นขุย ลดสิว เมื่อทามาร์คเจลบริเวณผิวหน้า จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่น เร่งปรับสภาพ+ฟื้นฟูผิว “ลดรอยหมองคล้ำ เพิ่มความกระจ่างใส” เช่น มาร์คเจลสูตรแบล็คเคอเร้นมีส่วนผสมของ AHA ตัวเลือกที่ดีสำหรับคนเป็นสิวบ่อย หรือจะเป็นสูตรวิตามินซี ที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง และยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ช่วยกระตุ้นให้ผิวขาวสว่างใส โดยส่วนใหญ่แล้วการมาร์คเจลจะทาทิ้งไว้ตอนกลางคืน แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าหลังตื่นนอน
4. มาร์คแบบลอก (Peel Mask)
เป็นเนื้อเจลใสสไตล์สาวเกาหลี ให้ทาทิ้งไว้บางๆสักพักจนแห้ง และลอกออกมาก วิธีนี้ช่วยลอกสิวเสี้ยน ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขนหมดจด และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกเป็นอย่างดี
5. มาร์คบับเบิ้ล (Bubble Mask)
มาร์คตัวนี้มีลักษณะเป็นฟอง เหมาะสำหรับคนผิวมัน คนที่ใช้ครีมรองพื้นบ่อย หรือครีมกันแดด SPF สูง ที่ล้างออกยาก โดยนวดเบาๆแล้วพอกทิ้งไว้บริเวณที่เป็นสิวบ่อย จมูก หน้าผาก หรือทั่วไปหน้า ช่วยขจัดสิ่งตกค้างบนใบหน้า ทำให้ผิวสะอาด สดชื่น ผิวนุ่มอ่อนเยาว์ ลดปัญหาการเกิดสิวและริ้วรอย วิธีนี้ควรมาร์คอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
6. มาร์คชีท (Sheet Mask)
มาร์คตัวท๊อป เพราะไปที่ไหนก็จะเห็นรูปแบบนี้บ่อย เป็นแผ่นมาร์คหน้าสำเร็จรูป ที่พอดีกับใบหน้าเรา โดยเคลือบเซรั่ม สารสกัดบำรุงผิวนานาชนิดไว้บนแผ่นมาร์ก เน้นสร้างความชุ่มชื่นให้กับผิว ริ้วรอยจางลงผิวเต่งตึง เรียบเนียนขึ้น ใช้สะดวก เพียงฉีกซองแล้วมาร์กลงหน้าได้ทันที เหมาะสำหรับสาวๆในช่วงเวลาที่เร่งรีบ เพราะใช้เวลาบำรุงเพียง 30 นาทีเท่านั้น
7. มาร์คโคลนพอกหน้า (Mud Mask)
มีสีเหมือนโคลน แต่เนื้อสัมผัสเป็นเนื้อครีม ตัวนี้เหมาะสำหรับสาวที่เป็นสิวบ่อย และมีผิวมันมากๆ มาร์คตัวนี้จะดูดซับเอาน้ำมันส่วนเกินที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า ทำให้หน้าแห้ง ตึง กระชับ (ไม่ควรพูด หรือขยับใบหน้าระหว่างมาร์ค) เมื่อมาร์คเสร็จแล้วจะทำให้ผิวหน้าสบาย สดชื่น สำหรับผู้ที่มีผิวมันมากสามารถพอกหน้าด้วยวิธีนี้ได้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
ได้รู้รายละเอียดกันไปแล้วนะคะ กับข้อดีและข้อแตกต่างของมาร์คหน้าท้ัง 7 ประเภท การจะให้รู้ว่าแบบไหนดีกับผิวของเราคือต้องลองใช้ดูคะ ที่สำคัญของการใช้มาร์คหน้าทุกแบบนั้น คือการล้างหน้า ลอกหน้าออกต้อง ทำความสะอาดให้หมดจด เพื่อป้องกันการเกิดสิวคะ หากสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตครีม สร้างแบรนด์ครีม OEM สามารถดูรายละเอียดได้ที่หน้า โรงงานผลิตครีม หรือติดต่อที่ LINE @Bioticon
