ความแตกต่างของเนื้อครีมแต่ละประเภท
ความแตกต่างของการบำรุงผิวแต่ละประเภท บทความโดยทีม R&D – ทุกวันนี้ร่างกายของเราโดนแสงแดด และมลภาวะต่างๆมากมาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดริ้วรอย สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวแก่ก่อนวัย ใครอยากมีผิวขาวสว่างใส มีออร่าแบบดารา ลองหันมาบำรุงผิวเป็นประจำ จะทำให้ผิวสวยคงอยู่คู่กายเราตลอดไป วิธีบำรุงผิวมีหลากหลายให้เลือกสรรขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน บำรุงผิวหน้าและผิวกายควรเลือกสูตรให้เหมาะสมของแต่ละช่วงวัย แล้วทดสอบการแพ้ก่อนซื้อ หากพบว่าแพ้ครีมตัวไหนให้งดใช้ทันที และที่สำคัญก่อนที่จะเลือกซื้อครีมมาใช้ให้ถูกกับผิวของคุณ ควรศึกษาเนื้อครีมแต่ละประเภทก่อน ต่อไปนี้เป็นความแตกต่างของเนื้อครีมแต่ละประเภท ได้แก่ เนื้อครีม , โลชั่น , เจล , ซีรั่ม , เอสเซ็นส์
- ครีม (Cream)
ครีมบำรุงผิวส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำมัน (Oil) + น้ำ (Water) ซึ่งจะมีความเข้มข้นของเนื้อครีมสูงมากที่สุด หากเทียบกับการทำงานรูปแบบ(Body Form) การดูดซึมเนื้อครีมเข้าสู่ผิวได้ช้ากว่าการบำรุงผิวชนิดอื่น เนื้อครีมที่นิยมใช้กันในปัจจุบันอาจมีการใส่ส่วนผสมของสาร Active Ingredients เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่
“ครีม(Cream)” เหมาะสำหรับสาวผิวแห้ง เนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้น ใบหน้าลอก และเกิดริ้วรอยอ่อนกว่าวัยได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น หลังจากใช้ครีมบำรุงผิวแล้วควรทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่มีค่า PH ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- โลชั่น (Lotion)
เนื้อโลชั่นมีลักษณะคล้ายครีมมาก แต่จะมีส่วนประกอบของน้ำ(Water) มากกว่าเนื้อครีม เพิ่มส่วนผสมของสาร Active Ingredients วิตามิน หรือสารสกัดบำรุงผิวพรรณชนิดอื่นลงเนื้อโลชั่นได้ จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงผิวใหม่สวยกระจ่างใสขึ้นกว่าเดิม
“โลชั่น(Lotion)” เหมาะสำหรับผิวธรรมดา (Fluid) และผิวผสม ซึ่งผิวผสมเป็นผิวที่ค่อนข้างดูแลยาก หากเลือกใช้โลชั่นบำรุงผิวหน้า ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากมีผิวมันบริเวณ T-Zone จึงต้องดูแลส่วนนี้เป็นพิเศษ
- ซีรั่ม (Serum)
เนื้อซีรั่มส่วนใหญ่เป็นแบบใส มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา หากเทียบกับการบำรุงผิวชนิดอื่น เนื้อซีรั่ม คือสูตรที่พัฒนาให้มีความเข้มข้นของ Active Ingredients สูงขึ้น และเห็นผลชัดเจนในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ซึมซับการบำรุงเข้าสู่ผิวหนังได้เร็ว เพราะเป็น Water Based Product (มีน้ำเป็น Medium ต่างจากครีมและโลชั่น) มีการบำรุงอย่างล้ำลึกและเหมาะกับผิวทุกประเภท จึงไม่แปลกใจที่ Serum มีราคาที่สูงกว่าการบำรุงผิวชนิดอื่น
- เจล (Gel)
มีลักษณะเนื้อสัมผัสคล้ายเจล ซึ่งเป็นสารประเภท Polymer โครงสร้างภายในเนื้อเจลสามารถอุ้มน้ำได้จำนวนมาก ด้วยคุณสมบัติของ Water Absorbent ทำให้เจลบำรุงผิวประเภทนี้ส่วนใหญ่นำไปใช้บำรุงเพิ่มวิตามินและความชุ่มชื้นให้กับบริเวณใต้ดวงตา ลดรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ดวงตาได้เป็นอย่างดี
- ฟลูอิค (Fluid/Fluide) หรือเอสเซ้นส์ (Essence)
เป็นเนื้อซีรั่ม มีเนื้อสัมผัสเนื้อบางเบา แต่มีสีที่เข้มข้นมากกว่าซีรั่มทั่วไป เนื่องจากมีส่วนผสมเพิ่มความเข้มข้นในปริมาณสูงสุดด้วย Active Ingredient เป็น Water Based ซึมซับเร็ว เกลี่ยง่าย การบำรุงผิวมีประสิทธิภาพเห็นผลชัดยิ่งขึ้น
สำหรับข้อแตกต่างของครีมแต่ละประเภทนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ ไม่เพียงแต่ผู้ใช้เท่านั้น เจ้าของแบรนด์ที่อยากผลิตสินค้าประเภทครีม เครื่องสำอางก็ควรศึกษาเอาไว้เพื่อที่จะได้เรื่องกลุ่มลูกค้าได้ถูกต้อง สำหรับผู้ที่สนใจสร้างแบรนด์ครีม สามารถเข้าดูข้อมูลได้ที่หน้า รับผลิตครีม